"โปรตีนทางเลือก? เทรนด์การกินที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
"โปรตีนทางเลือก” เทรนด์การกินที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
โปรตีนทางเลือกคืออะไร
“โปรตีนทางเลือก” คือ อาหารประเภทโปรตีนที่ไม่ได้มาจากกระบวนการปศุสัตว์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นการกินอาหารที่หลีกเลี่ยงโปรตีนจากสัตว์นั่นเอง โดยหันไปหาแหล่งอาหารอื่นที่ให้สารอาหารประเภทโปรตีนไม่ต่างกัน ทุกวันนี้ การสร้างอาหารโปรตีนทางเลือกหรือจากสิ่งมีชีวิตอื่นทดแทนในรูปแบบของเนื้อสัตว์เทียม มีความใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริง ๆ ทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัส เนื่องจากพัฒนาการด้านเทคโนโลยีทางอาหาร มีส่วนช่วยให้คนหันมากินโปรตีนทดแทนนี้ได้ง่ายขึ้น เพราะมันแทบไม่ต่างจากเนื้อสัตว์เลย
โปรตีน เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพูดในแง่ของการดูแลสุขภาพ ในอดีต ส่วนใหญ่เราจะกินโปรตีนจากสัตว์ แม้ว่าจะมีพืชบางอย่างที่ให้โปรตีนสูงไม่ต่างกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารสชาติและเนื้อสัมผัสมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กินพืชก็คือกินผัก ไม่ได้มีใครคิดว่ามันมีสารอาหารประเภทโปรตีนสูง ต่อมาเมื่อแนวคิดเรื่องการทารุณกรรมสัตว์เริ่มแพร่หลาย หลายคนก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจบรรดาสัตว์ที่ต้องถูกฆ่าเพื่อนำมาเป็นอาหารของมนุษย์ จึงเริ่มมีการมองหาแหล่งอาหารโปรตีนอื่นที่น่าจะนำมาใช้ทดแทนการกินโปรตีนจากสัตว์ได้
โปรตีนทางเลือก หรือ Alternative Protein จึงเป็นวิถีการยึดหลักการบริโภคโปรตีนจากพืช หรือโปรตีนจากแหล่งอื่น ซึ่งก็รวมเอาการกินแบบมังสวิรัติเข้าไปด้วย อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าโปรตีนจากพืชนั้นอาจไม่สมบูรณ์เท่ากับโปรตีนที่ได้จากสัตว์ แต่ทั้งโปรตีนจากพืชและโปรตีนจากสัตว์ต่างก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันไป เช่น โปรตีนจากพืชจะไม่มีคอเลสเตอรอล ไม่ก่อให้เกิดโรค ขณะที่โปรตีนจากสัตว์บางประเภทมีคอเลสเตอรอลสูง สามารถก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ แถมยังเป็นการทำร้ายสัตว์ด้วย
ดังนั้น เมื่อจะทำโปรตีนทดแทน จึงต้องมีการนำเอาความรู้ด้านเทคโนโลยีทางอาหารมาพัฒนาปรับปรุงให้โปรตีนที่ได้จากพืชสามารถให้ประโยชน์เทียบเท่ากับโปรตีนจากสัตว์
เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพของมนุษย์ และเพื่อสภาพแวดล้อมที่ดีของโลก
สำหรับประโยชน์ในด้านสุขภาพของมนุษย์ การกินอาหารที่เป็น “โปรตีนทางเลือก” เป็นวิถีสำหรับคนรักสุขภาพที่ไม่ต้องการกินเนื้อสัตว์ แต่ยังต้องการโปรตีนในปริมาณที่ครบถ้วนในแต่ละวัน เพราะโปรตีนจากสัตว์นั้นจะมีปริมาณแคลอรี่ที่สูงกว่าพืช เนื้อสัตว์บางประเภทย่อยยากกว่า ต่างจากอาหารในกลุ่มโปรตีนทางเลือกที่จะใช้วัตถุดิบจากพืช (Plant-Based Protein) โปรตีนสูง และมีปริมาณแคลอรี่ที่ต่ำกว่าการกินเนื้อสัตว์ในปริมาณเท่ากัน อย่างการกินเฉพาะอาหารที่ทำมาจากพืชแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่โปรตีนสูงเทียบเท่าการกินเนื้อสัตว์
การกินอาหารโปรตีนทางเลือกจากพืช เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดาโปรตีนทางเลือก เนื่องจากดีต่อสุขภาพตรงที่เราเน้นกินผัก ผลไม้ และธัญพืชเป็นหลัก นำไปผ่านกระบวนการแปรรูปให้น้อยที่สุด เพื่อลดการใช้ทรัพยากรพลังงาน แต่ยังคงได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้งจากโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อสุขภาพ อย่างไรก็ดี เทรนด์การกินอาหารโปรตีนทางเลือกจากพืช ณ เวลานี้แตกต่างไปเล็กน้อย เพราะมีความพยายามจะทำให้การกินพืชเหล่านั้นเหมือนกับการกินเนื้อสัตว์มากที่สุด
ส่วนประโยชน์ด้านสภาพแวดล้อมที่ดีของโลก เนื่องมาจากกระบวนการผลิตอาหารสร้างผลกระทบและความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อมค่อนข้างมาก เช่น กระบวนการผลิตอาหารและเกษตรกรรม มีผลต่อปริมาณแก๊สเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมา จากข้อมูลในปัจจุบันพบว่ากระบวนการเหล่านี้ปล่อยแก๊สเรือนกระจกมากถึง 1 ใน 4 ของปริมาณแก๊สเรือนกระจกทั้งหมด การทำปศุสัตว์ ปล่อยแก๊สมีเทนเป็นจำนวนมาก จากกระบวนการย่อยอาหารและการขับถ่ายของสัตว์ ซึ่งจริง ๆ แล้วแก๊สมีเทนทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกได้รุนแรงกว่าแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เสียอีก
ยังไม่หมดเท่านั้น การทำการเกษตรเพื่อนำผลผลิตไปใช้ในการเลี้ยงสัตว์ ก็ยังต้องอาศัยทรัพยากรน้ำและดินเป็นจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้น คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถลดการใช้ทรัพยากรเหล่านี้ลง ในขณะที่ไม่ได้กระทบต่อการกินอาหารของคนเราเท่าไรนัก ก็จะถือเป็นการช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติได้อีกทางหนึ่ง
รวมถึงผู้บริโภคบางส่วนหันมาบริโภคโปรตีนทางเลือก เพราะตระหนักถึงความมั่นคงทางอาหารของโลกที่ลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะขาดแคลนอาหารได้ในอนาคต การมองหาแหล่งโปรตีนอื่น ๆ เพื่อมาทดแทน จึงมีส่วนช่วยให้ความมั่นคงทางอาหารมั่นคงกว่า ช่วยลดการเลี้ยงสัตว์เพื่อฆ่ากินเนื้อลง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้โปรตีนทางเลือกจากธรรมชาติ จะกลายเป็น Future food หรืออาหารแห่งอนาคตในอีกไม่ช้า
โปรตีนทางเลือก มีแหล่งที่มาของการสร้างโปรตีนทดแทนจากอะไรบ้าง ในปัจจุบัน มีแหล่งอาหารที่สามารถสร้างโปรตีนทดแทนได้จากหลายแหล่ง เช่น
โปรตีนจากพืช (Plant-based Protein) เป็นที่นิยมที่สุดในบรรดาโปรตีนทางเลือก เป็นการนำพืชโปรตีนสูง เช่น ถั่วเหลือง เห็ด ข้าวสาลีและธัญพืชต่าง ๆ มาแปรรูปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผลิตให้ออกมามีลักษณะคล้ายกับเนื้อสัตว์มากที่สุด คือ มีเส้นใย มีกล้ามเนื้อ มีชั้นไขมันแทรกในชิ้นเนื้อ บางเทคโนโลยีมีการแต่งกลิ่นเลียนแบบเนื้อสัตว์เข้าไปด้วย ทำให้มีเนื้อสัมผัสและความชุ่มลิ้นคล้ายกับการกินเนื้อสัตว์จริง ๆ
ถึงอย่างนั้น หากต้องการได้ประโยชน์สูงสุดจากโปรตีนจากพืช แนะนำให้กินแบบที่ผ่านกระบวนการผลิตน้อยที่สุดจะดีกว่า เช่น ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี (ข้าวกล้อง ลูกเดือย) เน้นการกินพืชมีหัว (มันเทศ มันฝรั่ง เผือก) ผักสามารถกินได้ทุกชนิด แต่ควรเลือกให้หลากหลาย เพื่อให้ได้ทั้งวิตามินและแร่ธาตุ ส่วนผลไม้หลีกเลี่ยงที่มีรสชาติหวานหรือมีน้ำตาลสูง แต่โปรตีนจากพืชที่ผ่านกระบวนการผลิตให้เหมือนเนื้อสัตว์ก็ไม่ได้แย่ เพราะทำให้ง่ายต่อการกินสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบกินพืชผัก เพียงแต่ประโยชน์อาจจะถูกลดทอนหรือมีสารปรุงแต่งเข้ามาเพิ่มเติม
โปรตีนจากสาหร่าย (Algae-based Protein) สาหร่ายเป็นหนึ่งในแหล่งโปรตีนทดแทนที่ให้ปริมาณโปรตีนสูงสาหร่ายที่นิยมนำมาผลิตเป็นเนื้อสัตว์เทียม เช่น สาหร่ายทะเล แพลงก์ตอนพืช สามารถนำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตเนื้อเทียม นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญ จึงมีการนำสาหร่ายมาสกัดเพื่อเป็นอาหารเสริมอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาดอาหารเพื่อสุขภาพมานานแล้ว
โปรตีนจากแมลง (Insect-based Protein) เป็นโปรตีนทดแทนที่สกัดมาจากแมลงที่มีโปรตีนสูง เช่น ตั๊กแตน ตัวอ่อนด้วง จิ้งหรีด แมลงหลายชนิดมีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะโปรตีนจากแมลงมีปริมาณโปรตีนสูงมาก (อาจสูงกว่าโปรตีนจากสัตว์บางชนิดด้วยซ้ำ) หากนำแมลงมาแปรรูปให้อยู่ในรูปของโปรตีนผง โปรตีนผงปริมาณ 100 กรัม จะให้โปรตีนสูงถึง 70-80 กรัม ในขณะที่เนื้อสัตว์ อาจให้โปรตีนที่ 30-40 กรัมเท่านั้น นอกจากนี้ผงโปรตีนแปรรูปจากแมลงยังอาจมีสารอาหารอื่น ๆ
โปรตีนจากเชื้อราหรือจุลินทรีย์ที่เกิดตามธรรมชาติ เรียกว่า มัยคอโปรตีน (Mycoprotein) พอเอ่ยถึงเชื้อราหรือจุลินทรีย์อาจทำให้หลายคนร้องยี้ ถึงอย่างนั้นต้องไม่ลืมว่าโยเกิร์ตหรือชีสที่เรากินกันอย่างเอร็ดอร่อยนั้นก็ได้จากการหมักบ่มลักษณะนี้เช่นกัน โดยโปรตีนชนิดนี้จะได้จากการการหมักบ่มจุลินทรีย์เกรดอาหารซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กินได้ จากนั้นนำไปผ่านกระบวนการเพาะเลี้ยงให้ได้เส้นใยที่คล้ายกล้ามเนื้อของสัตว์ ก่อนจะนำมาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อทั้งแบบเนื้อบดและเนื้อชิ้น เมื่อออกมาจะได้มัยคอโปรตีนที่เหมือนกับเนื้อสัตว์จริง ๆ มากทีเดียว
เนื้อที่ถูกพัฒนาขึ้นจากเซลล์ของสัตว์ (Lab-grown หรือ Cultured meat) เนื้อเทียมที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเพาะเซลล์ให้โตจากห้องปฏิบัติการ เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นในการผลิตเนื้อสัตว์เทียมให้เหมือนกับเนื้อสัตว์จริงมากขึ้นไปอีก โดยมันเป็นเนื้อที่ถูกพัฒนาขึ้นจากเซลล์ของสัตว์จริง ๆ จึงได้เป็นเนื้อที่มีไขมัน กล้ามเนื้อ และเนื้อแดงของสัตว์ ความต่างคือไม่ได้มาจากการเลี้ยงและฆ่าสัตว์ด้วยวิธีเดิม ซึ่งเนื้อเทียมรูปแบบนี้ต้นทุนการผลิตยังสูงมากในปัจจุบัน
เพราะแรงขับเคลื่อนหลัก ๆ ที่ทำให้ตลาดโปรตีนทางเลือกเติบโตขึ้นมากในหมู่ผู้บริโภคทั่วโลก ก็มาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ตื่นตัวกับกระแสรักสุขภาพ โดยเฉพาะคนวัยหนุ่มสาว วัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ ที่กังวลต่ออันตรายจากการบริโภคเนื้อสัตว์ เช่น การปนเปื้อน รวมถึงโรคในสัตว์ การรักษาหุ่น และปัญหาการบริโภคเนื้อสัตว์ จึงต้องเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การตระหนักถึงการบริโภคที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การทารุณกรรมสัตว์ รวมถึงความกังวลต่อปัญหาความมั่นคงทางอาหารเนื่องจากจำนวนประชากรโลกสูงขึ้น
อรรถรสในการกินอาจไม่เหมือนแต่ถ้าไม่ซีเรียสก็ไม่แย่ ปัจจุบันอาหารที่เป็นโปรตีนทางเลือกถูกพัฒนาให้ดูน่ากินมากยิ่งขึ้น โดยมักจะมาในรูปแบบที่มีความใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริง ๆ มากที่สุด สามารถนำไปประกอบอาหารได้แบบเดียวกับเนื้อสัตว์และได้โปรตีนไม่ต่างกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนก็คิดว่ามันแทนกันไม่ได้อยู่ดี การกินเนื้อสัตว์ปลอมที่ทำจากพืชไม่อาจทำให้การกินเนื้อหมู เนื้อไก่เหมือนการกินเนื้อสัตว์จริง ๆ ถึงจะพัฒนาให้เหมือนมาก มันก็ไม่ใช่อยู่ดี และก็แยกออกด้วยว่าไม่ใช่เนื้อสัตว์จริง ๆ
อย่างไรก็ดี เรื่องของโปรตีนทางเลือกนี้ มันก็เป็นแค่ “ทางเลือก” หนึ่งของคนที่ต้องการจะลด ละ เลิกเนื้อสัตว์ เพียงแต่อยากให้คงสภาพคล้ายเนื้อสัตว์ไว้ เพราะมันคงยากกว่าถ้าให้หันไปกินโปรตีนจากพืชโดยตรงทันที เพราะฉะนั้น หากใครไม่สะดวกใจ หรือคิดว่าอย่างไรการกินพืชที่ทำเลียนแบบเนื้อสัตว์ก็ไม่ใช่อยู่ดี หรือลองแล้วรู้สึกไม่ชอบก็ไม่ว่ากัน แน่นอนว่ามันคงไม่ได้ถูกปากทุกคน ใครที่อยากกินเนื้อสัตว์จริง ๆ ก็ยังหากินได้ มันไม่ได้ถูกแทนที่ไปหมดแล้ว
ขอบคุณที่มาจาก https://www.sanook.com/men/75165/
ทั้งนี้ทางบริษัท เฟลเวอร์ แอนด์ อะโรเมติก กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารแต่งกลิ่นและรสชาติในอาหาร ภายใต้การควบคุมด้วยระบบมาตรฐานคุณภาพ ISO22000:2018 มีผลิตภัณฑ์สารแต่งกลิ่นและรสชาติในอาหารที่หลากหลายแนว เหมาะสำหรับสินค้าในหลายๆประเภท เช่น ซอส เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว เบเกอรี่ และไอศกรีม เป็นต้น
หากลูกค้าท่านใด มีความประสงค์ที่จะให้ทางบริษัทฯ เราผลิตสารปรุงแต่งอาหาร ทั้งกลิ่นและรสชาติอาหารให้ สามารถติดต่อทางบริษัทฯของเราได้ ทางบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับทุกท่าน หรืออุตสาหกรรมอาหารต่างๆ ที่สนใจหรือมองหาสารแต่งกลิ่นและรสชาติที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างให้ความโดดเด่นด้านกลิ่นและรสชาติให้กับผลิตภัณฑ์ของท่าน